หลายคนบอกว่าตลาดอีคอมเมิร์ซดูท่าแล้วจะซบเซา แต่รู้ไหม? ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีคนไทยที่ซื้อสินค้าหรือบริการบนช่องทางนี้เพิ่มขึ้น โดยตัวเลขจากบทวิเคราะห์ของ Krungthai Compass ได้ตอกย้ำให้เห็นว่า อีคอมเมิร์ซยังคงมีอนาคตที่สดใส เป็นแหล่งทำเงิน และสร้างยอดขายให้แก่คนค้าขายออนไลน์ นั่นเพราะ
•คนไทยซื้อของบนอีคอมเมิร์ซถึง 41.5 ล้านคนในปี 2566 ขยับเพิ่มจาก 30.7 ล้านคนในปี 2562
•ค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้า/บริการบนช่องทางนี้สูงขึ้นเกือบ 3 เท่าตัว จากปีละ 2,970 บาทต่อคนในปี 2562 ดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ 8,840 บาทต่อคนในปีนี้
•มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 6% โดยพุ่งไปแตะที่ 6.34-6.94 แสนล้านบาท ในระหว่างปี 2566-2567 เมื่อเทียบกับ 6.2 แสนล้านบาทในปีที่ผ่านมา
ดาวค้างฟ้า…สินค้าติดอันดับขายดี
แม้จะมีสินค้ามากมายขายอยู่บนอีคอมเมิร์ซ แต่จะพบว่ามีสินค้าอยู่ 3 หมวดหมู่หลักที่เรียกได้ว่าครองใจและฮิตแบบกระแสไม่เคยแผ่วตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นรายการสินค้าห้ามพลาดที่แม่ค้าออนไลน์ควรหามาขาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
•กลุ่ม Personal & Household Care ดูแลเรือนกายและบ้านเรือนยืนหนึ่ง
ได้ใจนักช้อปไม่แผ่ว เมื่อผู้คนหันมาใส่ใจดูแลตัวเองกันมากขึ้น แถมเข้มข้นหนักไปถึงการดูแลบ้านเรือน ทำให้สินค้าในกลุ่มนี้ ซึ่งครอบคลุมไปถึงสินค้าในหมวดหมู่ของความงามและสุขภาพกลายเป็นขวัญใจ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เครื่องสำอาง วิตามิน อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดครัวเรือน โดยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจาก 36,000 ล้านบาทในปี 2562 ขึ้นมาอยู่ที่ 139,000 ล้านบาทในปี 2565 แถมส่วนแบ่งตลาดยังเพิ่มขึ้นจาก 17% เป็น 22% ในช่วงเวลาเดียวกัน
•กลุ่ม Beverages เครื่องดื่มกระแทกใจไม่มีหยุด
คล่องคอและคล่องใจ คือคอนเซปต์ที่ทำให้เครื่องดื่มเป็นสินค้าที่คว้าใจคนได้ทุกยุค เห็นได้จากรายได้จากการขายบนอีคอมเมิร์ซที่ก้าวกระโดดจากเพียง 22,000 ล้านบาท เป็น 126,000 ล้านบาทในรอบครึ่งทศวรรษที่ผ่านมา และคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่มากขึ้น 2 เท่าเป็น 20% ในปี 2566 โดยเครื่องดื่มที่ดีต่อระบบการทำงานของลำไส้และสุขภาพ ช่วยให้สดชื่นและผ่อนคลาย หรือมีรสชาติแปลกใหม่ คือ สิ่งที่คนอยากลิ้มลอง
•กลุ่ม Foods อาหารสร้างตำนานทุกสมัย
ขาดไม่ได้แน่นอนกับสินค้าที่เป็นกลุ่มอาหาร ของคู่ใจที่คนคลิกสั่งซื้อกันรัวๆ จนมียอดขายเพิ่มขึ้นจาก 11,500 ล้านบาทในปี 2562 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 55,000 ล้านบาทในปี 2566 และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 6% เป็น 9% ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เนื้อสัตว์และโปรตีนจากพืช รวมถึงอาหารสำหรับผู้ที่มีความต้องการพิเศษ เด็ก และผู้สูงอายุ เป็นรายการที่สามารถช่วยเรียกยอดขายให้ร้านค้าออนไลน์ได้มากขึ้น
รู้แบบนี้แล้ว พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์คนไหนอยากเพิ่มกำไรและเรียกลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ อย่าลืมเพิ่มลิสต์สินค้าต้องขายเหล่านี้ไว้ในสต็อก ที่สำคัญควรทำให้ทุกการสั่งซื้อนั้นง่าย สะดวก และเป็นมิตรกับผู้ซื้อ ไม่ว่าจะเป็นคนเจนใหม่หรือว่าคนรุ่นเก๋าที่กำลังเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสำคัญของตลาดอีคอมเมิร์ซ โดยอาจต้องปรับการใช้ตัวอักษรให้มีขนาดใหญ่ในการสื่อสาร บอกชื่อสินค้า หรือเขียนคำอธิบาย รวมถึงมีขั้นตอนการซื้อและชำระเงินที่สั้นที่สุด สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ร้านค้าได้ใจคนออนไลน์รุ่นใหญ่นั่นเอง
————————————————————————————————————————————
บทความที่เกี่ยวข้อง
- เคล็ดลับ “5 ขอ” ฉบับคนขายออนไลน์ แก้ปัญหาละเมิดข้อมูลลูกค้า
- เจาะลึกพฤติกรรมนักช้อป รีวิวแบบไหน? ได้ใจลูกค้าแต่ละ GEN
- ขายของเด็ก VS เด็กขายของ 2 มุมของบนโลก E-COMMERCE ที่หลายคนไม่รู้!
- 3 เทรนด์โลจิสติกส์ เปลี่ยนอนาคตการขนส่ง
- รวม 5 ไอเทมสายมูสุดฮิต! คนขายรับทรัพย์ คนซื้อรับโชค
- แชร์พิกัด 5 สถานที่ขอพร แม่ค้าออนไลน์ไหว้แล้วรวย!
- รวม “คำ” สุดปัง ตัวช่วยปิดการขายได้จริง
- เปิดโผสินค้าไทยสุดเด็ด! ขายดีใน 4 ตลาดต่างแดน
- คำต้องห้าม TIKTOK กฎเหล็กไลฟ์ขายของ ไม่โดนแบน ไม่เสี่ยงปลิว